การพัฒนาบุคลากรกับชีวิตวิถีใหม่
5 ข้อดีของการอบรมออนไลน์
ตั้งแต่เริ่มมีการปรับตัวให้เข้ากับชีวิตวิถีใหม่ หลายๆ องค์กรเริ่มนำเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทในองค์กรมากขึ้น ทั้งในเรื่องของการทำงาน การสื่อสาร ไปจนถึงการฝึกอบรมพนักงาน การอบรมออนไลน์ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่หลายๆ องค์กรเลือกนำไปพัฒนาพนักงานของตัวเอง
ซึ่งการฝึกอบรมออนไลน์ในปัจจุบันก็มีหลายรูปแบบ อาทิ การเรียนผ่านเว็บไซต์หรือแพลตฟอร์มต่างๆ อย่าง H&G Learning ที่มีหลักสูตรพร้อมเรียนกว่า 100 หลักสูตร และเรียนได้ไม่จำกัดอีกด้วย ซึ่งเหมาะกับการใช้งานในระดับองค์กรทั้งเล็ก กลาง ใหญ่ นอกจากการเรียนผ่านหลักสูตรสำเร็จรูปที่มีไว้ให้แล้ว ยังสามารถอัปโหลดหลักสูตรหรือคอนเทนต์ขององค์กรเข้าไปได้ อีกทั้งยังสามารถติดตามความคืบหน้าและวัดผลการเรียนของพนักงานได้ด้วย [ลงทะเบียนทดลองใช้ฟรี →]
หรือการเรียนแบบไลฟ์สดผ่านโปรแกรมต่างๆ อย่าง Zoom ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในขณะนี้เลยก็ว่าได้ เพราะสามารถจัดอบรมได้หลายรูปแบบทั้ง One-Way Communication หรือแบบที่ผู้เข้าอบรมมีส่วนร่วมด้วย วันนี้เราจะมาดูกันว่าทำไมการฝึกอบรมออนไลน์ถึงได้รับความนิยมมากขึ้นขนาดนี้ ทั้งๆ ที่มีมานานแล้ว
1. เรียนได้ทุกที่ทุกเวลา
ปกติการจัด In-house หรือการส่งพนักงานออกไปอบรมข้างนอก พนักงานต้องลางานหรือหยุดงานเพื่อไปเรียน เมื่อพนักงานกลับมาทำงานก็ต้องมาสะสางงานที่ต้องทำในช่วงที่หยุด เป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้พนักงานไม่ได้นำสิ่งที่เรียนมาใช้กับการทำงานในทันทีและหลงลืมเนื้อหาที่เรียนมา ทำให้ไม่สามารถนำมาใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้การฝึกอบรมไม่ได้ผลลัพธ์ตามที่องค์กรคาดหวัง
*เรามี VDO ที่พูดถึงการ PUSH! บุคลากรหลังฝึกอบรม ให้ความรู้ยังคงอยู่และสามารถนำไปใช้ในงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถลงทะเบียนรับ ID/Password เพื่อดู VDO ผ่าน H&G Learning ได้ *ไม่มีค่าใช้จ่าย* [ลงทะเบียนเลย →]
ซึ่งการอบรมออนไลน์สามารถลดข้อจำกัดข้างต้นได้ เพราะพนักงานสามารถเรียนรู้ได้ทุกที่ทุกเวลา ไม่จำเป็นต้องเดินทางหรือหยุดงานไปเรียน สามารถแบ่งเวลาหรือใช้เวลาว่างจากการทำงานมาเรียนได้ ซึ่งปกติหลักสูตรออนไลน์มักจะเป็นคอร์สสั้นๆ อยู่แล้ว หากมีเนื้อหาเยอะจะมีการบ่างเป็นตอนๆ ไป เพราะต้องการดึงให้ผู้เรียนมีสมาธิจดจ่อกับการเรียนได้ตั้งแต่ต้นจนจบ
2. แค่มีอินเตอร์เน็ตและมือถือเครื่องเดียวก็เรียนได้แล้ว
ปัจจุบันเว็บไซต์ แพลตฟอร์ม แอพพลิเคชั่นต่างๆ ได้ถูกพัฒนาให้รองรับการใช้งานกับทุกๆ อุปกรณ์ เพียงเชื่อมต่อผ่านอินเตอร์เน็ต สามารถพกพาไปได้ทุกที่ สามารถเรียนหรือทบทวนได้ทุกเมื่อที่ต้องการ ซึ่งต่างจากการอบรมออฟไลน์ ที่อบรมแบบครั้งเดียวจบและเอกสารประกอบการเรียนยังเป็น Paper ทำให้ไม่สะดวกในการกลับมาทบทวนหรือพกพาไปด้วยทุกที่
3. ราคาสบายกระเป๋า จ่ายครั้งเดียวเรียนได้ไม่จำกัด
ต้องยอมรับว่าการอบรมแบบออนไลน์ราคาสบายกระเป๋ากว่าการอบรมแบบออฟไลน์มาก จ่ายครั้งเดียวเรียนได้ไม่จำกัด ซึ่งจะช่วยองค์กรประหยัดค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรม อีกทั้งยังสามารถฝึกอบรมพนักงานอย่างทั่วถึง
4. จัดอบรมได้ต่อเนื่อง ประเมินผลได้บ่อยขึ้น
การอบรมแบบออนไลน์ง่ายต่อการวางแผนและบริหารจัดการ เนื่องจากไม่ต้องรวบรวมคนหรือจัดหาสถานที่ เพราะทุกคนสามารถเรียนได้ในที่ของตัวเอง ดังนั้นคุณสามารถวางแผนการพัฒนาบุคลากรแบบระยะยาวได้เลย รวมทั้งการประเมินผลที่คุณสามารถจัดขึ้นได้บ่อยขึ้นผ่านออนไลน์ หากคุณมีแพลตฟอร์มดีๆ สักตัวที่มีฟังก์ชั่นครบทั้งอบรม ติดตาม และวัดผล
5. สังคมใหม่ๆ มุมมองใหม่ๆ
ในบางแพลตฟอร์มจะมี Talkboard หรือบางการฝึกอบรมจะมีการสร้างกลุ่มเอาไว้สำหรับแลกเปลี่ยนความคิดเห็น แชร์ปัญหาและสอบถามข้อสงสัยระหว่างกันอีกด้วย ถือเป็นการเปิดประสบการณ์และได้รับมุมมองใหม่ๆ
อย่างไรก็ตามแม้การอบรมออนไลน์จะมีข้อดีมากมาย แต่การอบรมแบบออฟไลน์ก็ยังมีความจำเป็นอยู่มาก สำหรับการอบรมในบางเรื่องที่ต้องมีการฝึกปฏิบัติจริงหรือเป็นหลักสูตรเฉพาะทาง แต่เราสามารถทำทั้ง 2 อย่างควบคู่กันไปได้ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตามที่องค์กรคาดหวัง
อยากรู้ว่าเราจะช่วย "พัฒนา" บุคลากรและธุรกิจของคุณได้อย่างไร