การชมเชย
ชมเชยอย่างไร เพื่อสร้างขวัญและกำลังใจให้กับลูกน้อง
การทำให้ลูกน้องมีขวัญและกำลังใจในการทำงาน การสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่น่าอยู่ รวมถึงการทำให้พวกเขาสามารถพัฒนาการทำงานของตนเองได้อย่างถูกจุด น่าจะเป็นสิ่งที่หัวหน้างานหรือเจ้าของกิจการหลายๆ ท่านต้องการ ซึ่งนอกจากการให้ค่าตอบแทนที่สมน้ำสมเนื้อกับงานที่ทำลงไป หรือจ่ายโบนัสเป็นค่าตอบแทนแล้ว ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่หัวหน้างานหรือเจ้านายสามารถทำได้บ่อย ทำแล้วลูกน้องมีกำลังใจ พัฒนางานของตัวเองได้ถูกจุด ยังจะเป็นการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างกันอีกด้วย สิ่งนั้นก็คือ “การให้คำชมเชยแก่ลูกน้อง” นั่นเอง แต่จะต้องให้คำชมเชยแบบไหน และควรต้องชมเมื่อไหร่ ถึงจะได้ผลลัพธ์อย่างที่ต้องการ
บทความนี้มีเทคนิคในการชมเชยลูกน้องมาฝาก การชมเชยลูกน้องนั้น ถึงแม้จะเป็นเรื่องที่ทุกท่านทราบดีอยู่แล้วว่าเป็นสิ่งที่ดี แต่สำหรับหัวหน้างานหรือเจ้านายหลายๆ ท่านอาจจะไม่ใช่เรื่องง่ายหรือทำได้อย่างอิสระที่จะชมเชยลูกน้องของตัวเอง ซึ่งส่วนใหญ่อาจมีสาเหตุดังต่อไปนี้
1. ตัวคุณเองไม่เคยชินกับการถูกพูดชม
เพราะไม่ค่อยได้รับคำชมจากคนอื่น จึงทำให้ธนาคารคำชมในตัวของคุณเองนั้นมีคำชมเชยสะสมอยู่ไม่เยอะ ดังนั้นเมื่อถึงเวลาที่ต้องชมเชยคนอื่นบ้าง ก็เลยไม่รู้ว่าจะต้องหยิบยกคำพูดแบบไหนขึ้นมาพูดชม ซึ่งถ้าหากใครตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ วิธีการฝึกแบบง่ายๆ ที่ควรเริ่มต้นก็คือ
1.1 ให้คุณนึกถึงคำพูดชมที่ตัวคุณฟังแล้วรู้สึกดีใจ หลังจากนั้นให้เขียนคำชมเหล่านั้นออกมาเป็นตัวอักษร
แต่มีข้อแม้อยู่สักหน่อยตรงที่ประเภทของคำชมที่เขียนออกมานั้นควรมีความหลากหลาย คือไม่ได้เป็นคำชมที่ชมแต่เฉพาะลักษณะภายนอกที่เรามองเห็นเท่านั้น แต่อยากให้เพิ่มคำชมเกี่ยวกับลักษณะนิสัย หรือความสามารถของบุคคลเข้าไปด้วย ยกตัวอย่างเช่น นอกจากจะมีคำชมว่า สวย หรือแต่งตัวสะอาด ซึ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับลักษณะภายนอกแล้ว ก็ควรมีคำชมในกลุ่มอื่น ๆ ด้วยเช่น เป็นคนตรงต่อเวลา หรือเป็นคนที่เรียนรู้เร็ว เพิ่มเข้ามาด้วย
การฝึกในลักษณะเช่นนี้จะเป็นการช่วยเพิ่มจำนวนและความหลายหลายของคำชม รวมถึงยังเป็นการช่วยเพิ่มโอกาสในการที่จะพูดชมลูกน้องของคุณให้บ่อยขึ้นได้อีกด้วย
1.2 ให้คุณลองฝึกชมเชยตัวเองในเรื่องของวิธีการคิดของตัวคุณเอง การกระทำหรือแม้แต่ความพยายามที่คุณได้ใช้ไป
ข้อนี้ทำได้ไม่ยาก แต่อาจจะทำให้คุณรู้สึกเขินอยู่สักหน่อย ยกตัวอย่างเช่น ถึงแม้วันนี้ลูกค้าจะเยอะมาก แต่เราก็ยังสามารถให้บริการลูกค้าด้วยรอยยิ้มได้ตลอดเวลา เก่งมากเลย เป็นต้น การชมเชยตัวเองนั้นอาจเป็นเรื่องที่ดูแปลกหรือทำแล้วดูขัดเขินสำหรับบางท่านก็จริง แต่อยากให้ลองคิดดูว่าถ้าแม้แต่ตัวเราเองยังมองไม่เห็นถึงคุณค่าในความคิด การกระทำ หรือความพยายามของตัวเอง ก็อาจทำให้เป็นเรื่องยากในการที่จะมองเห็นคุณค่าของสิ่งเหล่านี้ในตัวของคนอื่น แล้วหยิบยกขึ้นมาเป็นคำชมได้เหมือนกัน
2. ไม่รู้วิธีในการพูดชม
หลายครั้งที่คำชมเชยของคุณไม่อาจสร้างแรงกระทบให้ลูกน้องนำคำชมเชยที่ได้รับนั้นไปพัฒนาตัวเองต่อได้ หรือบางครั้งคุณอาจวิตกกังวลว่าผู้ที่ได้รับคำชมอาจมองว่าคุณไม่มีความจริงใจในการพูดชม หรือตัวคุณเองอาจคิดว่าถ้าชมไปแล้วลูกน้องจะเหลิง นั่นอาจเป็นเพราะว่าตัวคุณเองไม่รู้วิธีในการพูดชม ไม่มีหลักว่าการชมเชยที่ถูกต้องนั้นมีวิธีการอย่างไร ซึ่งเทคนิคในการชมเชยที่คุณสามารถทำได้ไม่ยากมีดังต่อไปนี้
2.1 เวลาชมให้ชมโดยระบุจุดที่เห็นว่าอีกฝ่ายทำได้ดี คำชมที่ดีควรมีความเป็นรูปธรรม ชัดเจน เข้าใจได้ง่าย
เมื่อเวลาที่คุณเห็นว่าอีกฝ่ายทำได้ดี คุณควรระบุให้ชัดเจนว่าเขาทำสิ่งใดได้ดี เช่น หากต้องการชมลูกน้องของคุณคนนี้ว่าเขาให้บริการลูกค้าได้ดี ก็ควรระบุให้ชัดเจนลงไปเลยว่าบริการที่เขาทำได้ดีนั้นคือเรื่องอะไร เช่น ยิ้มแย้มแจ่มใสตลอดเวลา หรือกล่าวต้อนรับทุกครั้งที่ลูกค้าเข้าร้าน การชมที่มีความชัดเจน เป็นรูปธรรมนี้นอกจากจะทำให้ผู้ที่ได้รับคำชมรู้สึกดีใจหรือรู้สึกว่าเป็นที่ยอมรับของหัวหน้าในเรื่องนั้นๆ แล้ว ยังจะเป็นการเพิ่มความมั่นใจให้กับตัวเองในการทำพฤติกรรมหรือการกระทำนั้นต่อไปอีกด้วย
2.2 มองหาความพยายามหรือพัฒนาการเล็กๆ น้อยๆ จากการทำงานของลูกน้อง แล้วหยิบสิ่งนั้นขึ้นมาพูดชม
ซึ่งสำหรับหัวหน้านั้นงานบางงานอาจไม่ต้องใช้ทักษะหรือความพยายามมากนักในการทำ แต่สำหรับลูกน้องแล้วการได้รับการยอมรับหรือคำชมจากหัวหน้าแม้ในเรื่องเล็กๆ น้อยๆ นั้นเป็นสิ่งสำคัญ เพราะมันแสดงถึงความเอาใจใส่ที่หัวหน้ามีต่อลูกน้องนั่นเอง
2.3 ไม่เพียงแค่ผลลัพธ์ แต่ให้ชมที่วิธีการด้วย
จริงอยู่ที่ผลลัพธ์นั้นสำคัญ แต่ความพยายามของลูกน้องที่ช่วยกันทำให้งานออกมาดีที่สุดก็เป็นส่วนที่เราควรจะเน้นและนำมาพูดชมด้วยเช่นกัน เพราะการจะได้มาซึ่งผลลัพธ์ที่ต้องการนั้นอาจไม่ใช่เรื่องง่าย ถ้ามีแนวคิดที่ว่าจะได้รับคำชมก็ต่อเมื่อผลของงานต้องสำเร็จตามเป้าแล้วเท่านั้น อาจทำให้ลูกน้องหมดกำลังใจและความกระตือรือร้นในการทำงานครั้งต่อไปได้ และพวกเขาอาจมองว่าหัวหน้าต้องการแต่ผลงานเท่านั้น ไม่ได้มองเห็นถึงความเหน็ดเหนื่อยหรือความพยายามของพวกเขาที่ทุ่มเทลงไปเลย
2.4 ให้ความสำคัญกับจังหวะในการพูดชม
หลังจากมีเหตุการณ์ที่ทำให้ลูกน้องสมควรได้รับคำชมเกิดขึ้นได้ไม่นาน หัวหน้าควรพูดชม ณ ตอนนั้นเลย ไม่ควรปล่อยเวลาให้เนิ่นนานจนกระทั่งทั้งลูกน้องเองและตัวเราเองต่างก็ลืมไปแล้วว่าเหตุการณ์นั้นคืออะไร และนอกจากที่จะชมกันเป็นการส่วนตัวแล้ว หากเป็นไปได้ควรพูดชมอีกครั้งต่อหน้าเพื่อนร่วมงานทุกคนเพื่อที่ทุกคนจะได้รับฟังและร่วมชื่นชมยินดีกับผู้ที่ได้รับคำชมนั้น
นี่เป็นเพียงเทคนิคเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้นที่คุณสามารถนำไปใช้ในการชมเชยลูกน้อง แน่นอนว่าถ้าหากทำได้คุณก็จะสามารถสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่น่าอยู่ ลูกน้องมีความกระตือรือร้นและมีขวัญกำลังใจในการทำงาน และยังทำให้พวกเขาสามารถพัฒนาการทำงานของตนเองได้อย่างถูกจุด และที่สำคัญคือยังเป็นการสร้างความสัมพันธ์อันดีและความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างคุณกับลูกน้องของคุณได้อีกด้วย
เติมแรงฮึดให้ลูกน้องด้วยการชมเชย
เรียนรู้เกี่ยวกับ “วิธีการชมเชย” ซึ่งเป็นหนึ่งในวัฒนธรรมองค์กรที่สำคัญของ Tokyo Disneyland รวมถึง “วิธีการตักเตือน” หลักการนี้จะช่วยส่งเสริมความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างหัวหน้ากับลูกน้องในที่ทำงาน ซึ่งจะช่วยกระตุ้นให้ลูกน้องมีพฤติกรรมด้านบวกในการทำงาน ผู้เข้าอบรมจะได้รู้ถึงหลักคิดที่ทำให้พูดชมผู้อื่นได้ง่ายขึ้น และจะได้พูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับวิธีการชมหรือพูดตักเตือนผู้อื่น เพื่อนำไปปรับใช้และสร้างวัฒนธรรมการชมเชยให้เกิดขึ้นกับองค์กรของตนต่อไป เมื่อสถานที่ทำงานเป็นที่ที่สร้างความสุข ความพึงพอใจในการทำงานของพนักงานก็จะมีมากขึ้นตามไปด้วย